ฤกษ์ลาสิกขา


ฤกษ์สึกพระ,ฤกษ์สึก,ฤกษ์ลาสิกขา


กษ์ ยามคือสิ่งที่ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานสนามแม่เหล็กโลก  พลังงานสนามแม่เหล็กของจักรวาล และพลังงานสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล "ฤกษ์ยามที่ดีและถูกต้อง"เท่านั้นจึงจะสามารถแก้ไขอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในในชีวิตและพื้นดวงชาตาเดิมได้ โดยจะต้องคำนวนความสัมพันธ์ระหว่าง ฟ้า-ดิน-คน ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้นฤกษ์ยามที่คำนวนความสัมพันธ์ของพื้นดวงเดิมของเจ้าการเท่านั้น จึงจะทำได้
ส่วนฤกษ์ยามตามปฎิทินฤกษ์ยามต่างๆ(ฤกษ์โหล) นั้น ไม่อาจจะมาทดแทนได้ เพราะต้องใช้ผู้รู้ทางวิชาโหราศาสตร์เท่านั้นจึงจะหาความสัมพันธ์และฤกษ์ยาม ที่ดีเป็นมงคลได้
ตัวอย่างเช่น หากมีคนมาบอกว่าวันนี้จะมีพายุใหญ่  จงอย่านำเรือออกทะเล หากมีคนเชื่อไม่นำเรือออกทะเลในวันนั้นก็ต้องพบกับอุปสรรคและลมมรสุมต่างๆ นาๆ  ดีไม่ดีเรืออาจอัปปางเอาได้ แต่หากมีคนเชื่อไม่ออกเรือในวันนั้นก็จะพบกับความสวัสดีอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีปัญหาใดใดเกิดขึ้น ฤกษ์ยามก็เป็นอย่างนี้ หากมีคนเชื่อและปฎิบัติตามอย่างน้อยเขาก็จะไม่พบกับความวิบัติร้ายแรง หรือไม่ก็บรรเทาผลร้ายที่จะเกิดมีขึ้นในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย

การให้ฤกษ์ลาสิกขาบท(ฤกษ์สึกพระ)
โดยมากคนมักจะมาขอฤกษ์บวชพระ ผมก็แจ้งว่าการบวชพระนั้นสามารถใช้ฤกษ์สะดวกได้ไม่จำเป็นต้องดูฤกษ์ยาม เพราะเราได้เข้าไปเป็นพุทธบุตรแล้ว มีพัทธสีมาคุ้มครองป้องกันภัยทั้งหลายแล้ว การให้ฤกษ์ก็ไม่จำเป็น การบวชก็เพื่อได้ขัดเกลากิเลสและทำพระนิพพานให้แจ้ง หรือจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บุพการีก็สามารถทำได้เลย
แต่จริงๆแล้วตามหลักครูโหร ท่านเพียงกำหนดไว้ในเรื่องของ"อัคนิโรธ" ว่าสงฆ์14 นารี11 ฯลฯ หมายความว่า กิจกรรมเกี่ยวแก่พระสงฆ์ห้ามกระทำในวันขึ้นแรม 14 ค่ำ ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงวันแรมหรือขึ้น 14 ค่ำห้ามทำการอุปสมบทบรรพชา ซึ่งหากท่านเพียงใช้หลักนี้ก็ใช้ได้แล้ว ก็คือไม่ควรกำหนดฤกษ์อุปสมบทในวันขึ้น-แรม14ค่ำ แต่อย่างไรก็ตามเผื่อเหนียวอาจจะบวกลบ1 วันเนื่องจากวันขึ้นแรมที่ใช้กันในปฎิทินชาวบ้านทั่วไปเราเรียกว่า"ดิถีตลาด"ซึ่งคลาดเคลื่อนกับดิถีที่เป็นจริงบนท้องฟ้าโดยคำนวนจากระยะเชิงมุมของดาวอาทิตย์และดาวจันทร์ที่เิกิดขึ้นจริงซึ่งเรียกว่า"ดิถีเพียร"ตามหลักดาราศาสตร์ประมาณ1วันโดยประมาณ (บางเดือนก็ตรงกัน)
หมายเหตุ 1)หากสงสัยว่าวิชาโหรฯมีการคำนวนดวงชาตาของฤกษ์ยามที่ละเอียดซับซ้อนและแตกต่างจากวิชาอื่นๆอย่างไร กรุณาอ่านบทความ โหราวิทยา บทที่ 4 การคำนวนกำลังดาวเคาระห์และเรือนชาตาโดยคลิ๊ก โหราวิทยาบทที่ 4 การคำนวณกำลังดาวเคราะห์และเรือนชาตา 
หมายเหตุ 2)หากท่านเข้าใจว่าวิชาโหรฯเป็นวิชาที่งมงายไร้เหตุผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักการ ขอให้ท่านเข้าไปศึกษา วิชาการคำนวณดวงชาตาของโหรฯเสียก่อน  โดยคลิ๊ก การคำนวณดวงพิชัยสงคราม,คัมภีร์สุริยยาตร์และมานัตต์
แต่หากเป็นการบวชชั่วคราว 9-15 วันนั้น การกลับเข้ามาสู่เพศฆราวาสนั้น จำเป็นจะต้องดูฤกษ์ยามเพื่อความมีสวัสดิมงคลของชีวิตใหม่ หรือเราได้เกิดใหม่นั่นเองและเมื่อกลับเข้ามาสู่ทางโลกแล้ว ก้จำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีการอาศัยฤกษ์ยามเพี่อส่งผลให้ชีวิตใหม่ที่ออกมาจากเพศบรรพชิตแล้ว ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งบางครั้งก็ถือได้ว่าเป็นการแก้ไขดวงชาตาได้อีกทางหนึ่ง
ความจริงเรื่องฤกษ์ยามที่ถูกต้องตามหลักโหรฯ จะมีคุณประโยชน์ดังนี้
1.สามารถก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ตามที่เราปรารถนา(ตามกำลังของฤกษ์ในขณะนั้นๆ)
2.สามารถแก้ไขดวงชาตาเดิมของเจ้าของ จากร้ายกลายเป็นดีได้ (ตามกำลังของฤกษ์ในขณะนั้นๆ)
3.สามารถที่จะบรรเทาและสลายผลร้ายต่างๆ ที่อาจจะจะเกิดขึ้นมาในอนาคตจากหนักเป็นเบา หรือจากเบาเป็นไม่มี(ตามกำลังของฤกษ์ในขณะนั้นๆ)
ดัง นั้นหัวใจของฤกษ์ยามที่ถูกต้องก็คือ การใช้ฤกษ์บนและฤกษ์ล่างให้สัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดศุภอิทธิพล เป็นศุภผลแก่เจ้าการ หรือเจ้าของงานที่จะกระทำการโดยฤกษ์นั้นๆ
ก่อนอื่นท่านต้องพิจารณาตัวท่านเองก่อนว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามการบรรพชาหรือไม่
บุคคลที่ห้ามบวช

๑) ทรงห้ามบวชคนเป็นโรคติดต่อ
๒) ทรงห้ามบวชราชภัฏ (เป็นข้าราชการจะต้องมีการขออนุญาตจากต้นสังกัด)
๓) ห้ามบวชโจรที่ขึ้นชื่อโด่งดัง
๔) ห้ามบวชโจรหนีเรือนจำ
๕) ห้ามบวชโจรผู้ถูกออกหมายสั่งจับ
๖) ห้ามบวชบุรุษผู้ถูกเฆี่ยนด้วยหวาย
๗) ห้ามบวชบุรุษผู้ถูกสักหมายโทษ
๘) ห้ามบวชคนมีหนี้
๙) ห้ามบวชทาส
๑๐) ห้ามคนอายุน้อยกว่า ๒๐ ปีบวช
๑๑) ห้ามบวชบุตรที่มารดาบิดาไม่อนุญาต
๑๒) ห้ามบัณเฑาะก์มิให้อุปสมบท
๑๓) ห้ามคนลักเพศและคนเข้ารีดมิให้อุปสมบท
๑๔) ห้ามบวชสัตว์ดิรัจฉาน (นาคแปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบวช)
๑๕) ห้ามคนฆ่ามารดามิให้อุปสมบท
๑๖) ห้ามคนฆ่าบิดามิให้อุปสมบท
๑๗) ห้ามคนฆ่าพระอรหันต์มิให้อุปสมบท
๑๘) ห้ามอุปสมบทคนประทุษร้ายภิกษุณี
๑๙) ห้ามอุปสมบทอุภโตพยัญชนก
๒๐) ไม่พึงบรรพชาคนเท้าด้วน
๒๑) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งมือและเท้าด้วน
๒๒) ไม่พึงบรรพชาคนหูขาด
๒๓) ไม่พึงบรรพชาคนจมูกแหว่ง
๒๔) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งหูขาดทั้งจมูกแหว่ง
๒๕) ไม่พึงบรรพชาคนนิ้วมือนิ้วเท้าขาด
๒๖) ไม่พึงบรรพชาคน ง่ามมือง่ามเท้าขาด
๒๗) ไม่พึงบรรพชาคนเอ็นขาด
๒๘) ไม่พึงบรรพชาคนมือเป็นแผ่น
๒๙) ไม่พึงบรรพชาคนค่อม
๓๐) ไม่พึงบรรพชาคนเตี้ย
๓๑) ไม่พึงบรรพชาคนคอพอก
๓๒) ไม่พึงบรรพชาคนเท้าปุก
๓๓) ไม่พึงบรรพชาคนมีโรคเรื้อรัง 
โรคเรื้อน, โรคฝี, โรคกลาก, โรควัณโรคปอด และโรคลมบ้าหมู
๓๔) ไม่พึงบรรพชาคนมีรูปร่างไม่สมประกอบ
๓๕) ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดข้างเดียว
๓๖) ไม่พึงบรรพชาคนง่อย
๓๗) ไม่พึงบรรพชาคนกระจอก
๓๘) ไม่พึงบรรพชาคนเป็นโรคอัมพาต
๓๙) ไม่พึงบรรพชาคนมีอิริยาบถขาด
๔๐) ไม่พึงบรรพชาคนชราทุพพลภาพ
๔๑) ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดสองข้าง
๔๒) ไม่พึงบรรพชาคนใบ้
๔๓) ไม่พึงบรรพชาคนหูหนวก
๔๔) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและใบ้
๔๕) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและหนวก
๔๖) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งใบ้และหนวก
๔๗) ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดใบ้และหนวก
๔๘) เคยบวชแล้วต้องอาบัติหนัก (ปาราชิก)

บุคคลผู้ห้ามให้บวชตามหลักฐานอรรถกถาจารย์

๑. ปณฺฑกาติ อุสฺสนฺสกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา นปุสกา  บุคคลที่ไม่ใช่ชายหรือหญิง  มีกิเลสแน่นหนา  มีความเร่าร้อนกลัดกลุ้มอยู่เสมอ เรียกว่า “บัณเฑาะก์” หรือกะเทย
๒. เต ปริฬาหาภิภูตา เยน เกนจิ สทฺธึ มิตฺตภาวํ ปตฺเถนฺติ  กะเทยเหล่านั้น (ที่มีนิสัยชอบพวกเพศเดียวกัน)  เมื่อถูกราคะครอบงำแล้วปรารถนาเป็นมิตรกับพวกผู้ชายบางคน

อรรถกถาจารย์แบ่งกะเทยไว้  ๕ ประเภท คือ
๑. อาสิตตบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก)  หมายความว่า กะเทยพวกที่ชอบใช้ปากอมองคชาตของผู้อื่น  ความเร่าร้อนสงบไปเมื่อถูกน้ำอสุจิรั่วรดแล้ว  พวกนี้เรียกว่า อาสิตตบัณเฑาะก์
๒. อุสสุยบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปน ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสฺสุยยาย ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อุสฺสุยฺยปณฺฑโก)  หมายความว่า กะเทยพวกที่เห็นคนอื่นเขาประพฤติล่วงประเวณี หรือเห็นคนอื่นเขาเสพสังวาสกันความเร่าร้อนด้วยราคะที่ฟุ้งขึ้นของเขาก็สงบ ไป พวกนี้เรียกว่า อุสสุยยบัณเฑาะก์ (พวกชอบแอบดู)
๓. โอปักกมิยบัณเฑาะก์ (ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานํ อปนีตานิ อยํ โอปกฺกมิย ปณฺฑโก)  หมายความว่า กะเทยพวกที่ถูกตอนแล้ว  ถ้าเป็นประเพณีเก่าของจีนคือพวกขันที  คือคนพวกที่ถูกเขาควักเอาอัณฑะออกแล้ว (น่าจะตัดออก)  พวกนี้เรียกว่า โอปักกมิยบัณเฑาะก์
๔. ปักขบัณเฑาะก์ (เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปาเกน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ ปกฺขปณฺฑโก)  หมายความว่า กะเทยพวกนี้เป็นกะเทยมีราคะกล้าเฉพาะวันข้างแรมไปจนถึงเดือนดับเพราะอกุศล วิบาก แต่พอข้างขึ้นก็สงบไป พวกนี้เรียกว่า ปักขบัณเฑาะก์
๕. นปุงสกบัณเฑาะก์ (อิตฺถีอุภโตพยญฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถี นิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํฯ ปุริสอุภโตพยญฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถีภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ อิตฺถีนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติฯ   อิตฺถีอุภโตพยญฺชนโก สยญฺจ คพฺภํ คณฺหาตีติ ปรญฺจ คณฺหาเปติฯ  ปุริสอุภโตพยญฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ ปรํ คณฺหาเปติฯ)
หมายความว่า กะเทยพวกนี้มี ๒ เพศในร่างเดียวกัน คือ พวกอุภโตพยัญชนกเมื่อทำหน้าที่ของผู้ชายให้หญิง ก็ซ่อนรูปเพศหญิงไว้แต่เพศชายปรากฏ,  เมื่อทำหน้าที่เป็นหญิง เพศชายหายไปแต่เพศหญิงปรากฏ,  เรียกพวกนี้ว่า ปุริสอุภโตพยัญชนกฯ    ส่วนอิตถีอุภโตพยัญชนก ท้องเองก็ได้ และทำผู้อื่นท้องก็ได้  ส่วนปุริสอุภโตพยัญชนกไม่ได้ตั้งท้องเอง แต่ทำให้หญิงท้องก็ได้


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้อย่างไร ?

เนสํ หิ น ภิกฺขเว ปณฺฑโก ปพฺพาเชตพฺโพ โย ปพฺพาเชยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ อาทินา ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ ปฏิกฺขิตฺตาฯ
แปลใจความว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามการบรรพชาและอุปสมบท แก่บุคคลเหล่านั้น  ด้วยคำเป็นต้นว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย กะเทยอันภิกษุไม่พึงให้บวช  ภิกษุใดให้บวช ภิกษุนั้นพึงทำไม่ดี   ฯลฯ  
ตสฺ มา เตปิ ปาราชิกาฯ  ความว่า เพราะกะเทยแม้เหล่านั้น เป็นผู้พ่ายแพ้แล้ว คือเปรียบเหมือนเป็นปาราชิกตั้งแต่เขาเป็นคฤหัสถ์ (คือบวชไม่ได้ตลอดชีวิต)
ปพฺพชฺชาปิ เนสํ ปฏิกฺขิตฺตา ฯ  แม้การบรรพชาของคนพวกนั้นก็ทรงห้ามแล้ว 
ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ ฯ   ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เป็นกะเทย  ภิกษุไม่พึงให้บวช  ที่บวชแล้วพึงให้สึกเสีย ฯ


ในการขอฤกษ์ ผมจะใช้เวลาประมาณ 1 วันในการคำนวนหาฤกษ์  หากท่านส่งข้อมูลมาพร้อมทั้งแจ้งการโอนค่าบูชาครูมาภายในวันนี้ ท่านก็จะได้รับฤกษ์ภายในพรุ่งนี้หรือไม่เกิน 24 ชมในกรณีปกติ หากดวงชาตาของท่านหาฤกษ์ได้ยาก ก็อาจจะได้ฤกษ์ภายใน 2-3วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นดวงของท่านเอง ในการหาฤกษ์ สิ่งที่ต้องการก็คือ
1.  ดวงชาตาเจ้าการ วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด และจังหวัดที่เกิด บอกอาชีพมาด้วย
2.  เวลาที่ต้องการจะบวชและลาสิกขาโดยเคร่าๆ ว่าประมาณวันไหน เดือนอะไร และที่จังหวัดไหน
3.  สถานที่ที่จะลาสิกขา
4.  เมื่อสึกออกมา ต้องการดวงฤกษ์เด่นด้านไหน ให้คุณเรื่องอะไร เช่นค้าขายดี หรือได้เลื่อนตำแหน่ง มีคนนับหน้าถือตา บริวารเชื่อฟัง หรือ ปกปักษ์คุ้มครอง ช่วยทำมาหากิน โชคลาภ ฯลฯ  และที่ผ่านมามีเรื่องอะไรติดขัด ดวงชาตามีจุดเสียอะไรบ้างก็จะแก้กันคราวเดียว
ทั้งหมดนี้ต้องเขียนให้ครบนะครับ แล้วไปสู่ขั้นตอนที่ 3

 ปัจฉิมลิขิต ทาง อาศรมจะให้ฤกษ์ที่ดีที่สุดเพียงฤกษ์เดียวในช่วงระยะเวลาที่คุณระบุมานะครับ ไม่มีฤกษ์เผื่อเลือก ไม่มีฤกษ์โหลๆเช่นวันนี้วันดีแต่งงานได้ทุกคู่ หรือวันนี้วันดีออกรถได้ทุกคน หรือฤกษ์ตามใจฉัน ฤกษ์ตามใจผู้ใหญ่ หรือฤกษ์ชอบสะดวก ฤกษ์ยามชั้นสูงระบบนี้คำนวณยากและหาฤกษ์ได้ยากกว่าระบบอื่นและจะต้องคำนวน ให้ถูกต้องตามหลักวิชาต้องเป็นมงคลที่สุดและดีที่สุดสำหรับผู้มาขอฤกษ์เท่า นั้น   ท่านไหนนำไปใช้ได้ก็ถือว่าเป็นคนมีบุญเป็นศิริมงคลเกิดความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองสำเร็จสมหวังตามปรารถนา แต่ท่านไหนมีวิบากกรรมเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางหรือวาสนาไม่ถึงฤกษ์ก็นำไปใช้ ไม่ได้  โหรผู้ให้ฤกษ์ก็ไม่สามารถทำแบบมักง่ายหรือให้ฤกษ์แบบตามใจท่าน  เพราะหากเกิดความวิบัติใดใดแก่ผู้ใช้ฤกษ์  โหรผู้ให้ฤกษ์ก็ต้องรับผลกรรมอันนั้นด้วยซึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็ได้สาปแช่ง ให้แก่ตัวโหรผู้ให้ฤกษ์ผิดๆ โดยหวังจะเอาลาภสักการะ หรือทำแบบสุกเอาเผากิน ดังนั้นจึงได้โปรดได้เข้าใจในข้อนี้ด้วย


สำหรับ ท่าน ที่เกิดต่างประเทศ /อาศัยอยู่ในต่างประเทศ /ต้องการใช้ฤกษ์มงคลเพียงแค่แจ้งชื่อเมือง /ประเทศ/รัฐ /เวลาท้องถิ่น/เวลา DST ที่ท่านเกิดหรือเมืองที่ต้องการประกอบการมงคลต่างๆ  ส่วนผมจะแจ้งฤกษ์มงคลตามเวลาท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่โดยคำนวนจาก Time Zone,DST,GMT,Lat-Long ซึ่งจะแม่นยำและไม่ผิดพลาด
ในการขอฤกษ์ท่านสามารถส่งข้อมูลได้ 3 แบบคือ
1.1.ผ่านแบบฟอร์มที่กำหนด(แบบใหม่ใช้ง่ายปลอดภัย และปกปิดข้อมูลส่วนตัวของคุณเป็นความลับ)
2.อีเมล์มาที่ผมโดยตรง ที่ astroneemo@gmail.com astroneemo@gmail.com โดยเขียนรายละเอียดให้ครบ
3.Fax รายละเอียดการขอฤกษ์มาที่ 0-2733-3585 แต่ขอให้ตัวหนังสือใหญ่และต้องคมชัด ส่วนมากที่ส่งมามักจะอ่านไม่ค่อยออกต้องโทรกลับไปถามบ่อยๆ
ขอความกรุณาอย่าโทรมาบอกให้ผมจดรายละเอียดในการขอฤกษ์ของท่าน เพราะผมไม่สะดวกจดจริงๆครับ ต้องขออภัย
กรุณากรอกแบบฟอร์มในการขอฤกษ์ลาสิกขาโดยคลิ๊กที่แบนเนอร์ข้างล่างนี้
ค่าครูบูชา ฤกษ์ ๓๓๙.- / ต่อครั้ง หากต้องการขอใหม่คุณต้องทำบุญค่ายกครูใหม่
ค่า บุูชาคำนวนฤกษ์ของระบบ"โหร" ที่มีประสบการณ์โดยปกติทั่วไป  จะมีการกำหนดไว้ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อ 1 ฤกษ์ แต่เพื่อเป็นการสืบสานวิชาการให้ฤกษ์ยามที่ถูกต้องตามระบบโหราศาสตร์ และเพื่อการรักษาขนบประเพณีไทยโบราณมิให้สูญหายไป อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความเข้าใจต่อวิชาโหรฯว่าเป็นวิชาที่มีหลักการที่ เป็นระบบ มีแบบแผน ถ่ายทอดสืบต่อกันมานานนับพันๆปี เป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ เป็นของสูงมีค่าควรเมือง มิใช่นำไปทำนายกันเล่นๆ  อย่างที่เราเห็นๆกันโดยทั่วไป และเพื่อเปิดโอกาสให้กับคนทุกชนชั้น ได้มีโอกาสได้ใช้ฤกษ์ยามของระบบโหรที่ถูกต้อง ทางอาศรมฯจึงกำหนดอัตราค่าครูเพียง 339 บาทเท่านั้น 
รายได้นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำข้อมูลและบริหารเว็บไซด์  และเพื่อเผยแพร่ความรู็เชิงวิชาการด้านโหราศาสตร์ ธรรมะ  ฯลฯ แก่สาธารณะชน และอีกส่วนหนึ่งนำไปทำบุญกุศลต่างๆตามกฏเกณฑ์ของโหร

  
เมื่อ ท่านได้ชำระค่าครูบูชาฤกษ์แล้วกรุณาแจ้งการโอนเงินมาทาง SMS ที่หมายเลข 085-832-8228 หรือ e-mail แจ้งมาที่ astroneemo@gmail.com หรือ Fax รายละเอียดมาที่ 0-2733-3585
ปัญหา ที่พบบ่อยมากก็คือเมื่อท่านทำการส่งข้อมูลและได้ทำการโอนเงินชำระค่าครูแล้ว มักจะไม่ค่อยได้แจ้งการโอนเงิน ทำให้ได้รับฤกษ์ล่าช้า (เนื่อง จากการทำการขอฤกษ์ยามมงคลจะต้องมีค่าบูชาครูเพื่อที่จะให้คุณได้ฤกษ์ยามจาก ครูบาอาจารย์ที่ถูกต้องจะไม่เป็นหนี้เวรหนี้กรรมต่อกันในการติดค้างครู อาจารย์ และโหรผู้คำนวนฤกษ์ก็จะไม่ต้องรับวิบากผลในการให้ฤกษ์ยามในการแก้ดวงชาตาให้ กับท่าน) หากได้ทำการชำระค่าครูแล้วกรุณาโทรแจ้งคุณกมล (คุณบอย) 085 832 8228 หรือแฟกซ์ / อีเมล์ตามรายละเอียดข้างต้น
ขอความกรุณาอย่าโทรมาบอกให้ผมจดรายละเอียดในการขอฤกษ์ของท่าน เพราะ
หาก ท่านไม่ได้แจ้งเข้ามา เราก็จะไม่สามารถตรวจสอบว่ายอดเงินนี้เป็นของท่าน เพราะยอดเงินจะเหมือนกันทั้งหมด จะทำให้ท่านได้รับฤกษ์ล่าช้า
ทางอาศรมฯของเราปกติ มิได้เปิดรับแขก หรือลูกค้าหรือบุคคลทั่วไป ให้ มาดูฤกษ์ที่อาศรมฯ  เพราะเราเป็นที่สัปปายะซึ่งต้องการความสงบ  เราจึงมีบริการคำนวนฤกษ์เฉพาะทางเว็บไซด์หรืออีเมล์เท่านั้น จึงต้องขอภัยทุกๆท่านมา ณ ที่นี้


และ เมื่อผมได้รับการยืนยันการชำระค่าครูบูชาฤกษ์แล้ว จะดำเนินการจัดส่งฤกษ์มงคลให้กับท่านทางอีเมล์ ภายใน 24 ชั่วโมงและ  SMS แจ้งทางหมายเลขมือถือที่ท่านได้ให้ไว้ตอนกรอกแบบฟอร์ม
ฤกษ์มงคลที่ท่านจะได้รับมีดังนี้
1.ฤกษ์วันและเวลาลาสิกขาพร้อมทิศมงคลที่เป็นศรี สมพงษ์กับดวงเจ้าชาตา บอกเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดเสร็จสรรพ
2.ทิศและฤกษ์ยามมงคลสำรับการออกเดินทางจากวัดเพื่อกลับบ้าน และไม่เกินเวลาเท่าไหร่
3.และสิ่งที่ต้องปฏิบัติก่อนบวช
  1. ศึกษาคำท่องขานนาคให้ชัดเจนถูกต้อง ทั้งอักขระ สำเนียง และห้ามผิด หากผิดจะทำให้ท่าน บวชไม่สำเร็จเป็นภิกษุ ในสมัยโบราณมีการให้พระสงฆ์ในบางท้องถิ่นลาสิกขาแล้วบวชใหม่ เนื่องจากบางท้องถิ่นออกเสียงอักขระบางตัวไม่ชัดเจน เป็น “อักขระวิบัติ”
  2. ให้ถามชื่อ ฉายาของพระอุปัชฌาย์ และชื่อฉายาของเราที่เป็นภาษาบาลี เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะตอนท่องขานนาคจะต้องใช้
  3. เพื่อเป็นกุศล ในการจัดเลี้ยงงานบวช ห้ามฆ่าสัตว์น้อยใหญ่มาเลี้ยงฉลอง และห้ามเลี้ยงสุรา เหล้า เบียร์ของมึนเมาทุกชนิด มิฉะนั้นงานบุญจะกลายเป็นงานบาป จะไม่เป็นมงคลแก่ผู้ที่จะบวช
  4. อนึ่งกุลบุตรมีจิตศรัทธา อุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา หากต้องการให้เกิดกุศลอันยิ่งจักต้องรู้จักรักษาศีลและวินัยให้เคร่งครัด โดยท่านจะต้องศึกษาจาก”นวโกวาท” ที่ผมจะแนบไปให้ท่านอ่านท่องก่อนทำการบรรพชาอุปสมบท เพื่อจะได้รู้จักสิกขาบทของผู้ที่จะเป็นพระ เพื่อการบวชเรียนจะได้มีผลเป็นกุศลและจะไม่มีโทษแก่ผู้ที่ได้บรรพชา  เพราะหากเราไปบวชเป็นพระแล้วล่วงสิกขาบทแทนที่จะบุญกลับได้ปาปกรรมอันหนักหนาสาหัส อันนี้จะต้องระวังเอาไว้ให้มาก สิ่งใดเป็นคุณอนันต์ก็ย่อมมีโทษมหันต์เช่นเดียวกัน
  5. หากกรณีที่ท่านได้ล่วงสิกขาบท(ผิดวินัย)ไปแล้ว ให้รีบไปแจ้งพระอุปัชฌาย์ หรือพระพี่เลี้ยง บอกกล่าวให้ท่านทราบ (อย่าอายเด็ดขาด)เพื่อที่จะได้มีการ”แสดงอาบัติหรือปลงอาบัติ” เพื่อที่จะทำตนให้บริสุทธิ์กลับคืนเหมือนเดิม หากอาบัติหนัก ก็อาจจะต้องเข้าไปอยู่ปริวาสกรรมก่อน ตามกำหนดระยะเวลา เมื่ออกมาแล้วก็จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ มีศีลบริสุทธิ์เหมือนพระบวชใหม่ แต่หาท่านติดค้างอาบัติ คือการทำผิดวินัยพระแต่ไม่ได้ปลงอาบัติ  พอสึกออกมาท่านจะทำมาหากินไม่ขึ้น จะเป็นคนดวงซวยตลอดชีวิต ไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีคนรักคนชอบ อาภัพรัก และแก้ไขอะไรไม่ได้เลย จึงต้องระวังให้มากๆ เตือนเอาไว้ด้วยความหวังดี ลองดูชีวิตคนบางคนที่บวชพระนานๆหลายๆปี และสึกออกมา มีครอบครัวทำมาหากิน ก็มักจะประสบชะตากรรมที่ไม่ดี ทำมาหากินไม่ขึ้น เจ็บป่วย อายุสั้น ส่วนมากก็มาจากสาเหตุนี้
อนึ่งสิ่งที่ไม่ควรลืมเมื่อทำการบวชแล้ว ที่คนมักลืมบ่อยๆก็คือ
  1. เมื่อได้รับบิณฑบาตมา หรือรับอาหารจากการประเคนมาแล้วจะต้องพิจารณาก่อน แล้วจึงฉันทุกครั้ง (บทสวดอยู่แนบท้ายใบฤกษ์)
  2. เมื่อฉันเสร็จแล้ว ควรตั้งจิตอุทิศกุศล แผ่เมตตาให้กับทายกผู้ถวายปัจจัย บิณฑบาตและอาหาร ฯลฯ ทุกครั้ง (บทสวดอยู่แนบท้ายใบฤกษ์)
  3. ลาภผล ปัจจัย เงินทองอันใดที่ได้มาในระหว่างบวชอยู่นั้น เมื่อลาสิกขาแล้วห้ามนำออกไปใช้เป็นของตัวเอง ให้ทำการถวายคืนแก่สงฆ์(แก่วัด)ทุกบาททุกสตางค์ หากท่านนำเงินจำนวนนี้ไปใช้เมื่อลาสิกขาออกมาแล้วจะท่านจะทำมาหากินไม่ขึ้น อันนี้ต้องระวังให้มากๆ แต่หากท่านบวชเพียงไม่กี่วันกี่เดือน และต้องการผลบุญกุศลสูงสุดอุทิศให้แก่บิดามารดา ฯลฯ  หากมีการรับเงินรับทองเข้าก็ต้องรีบสละออกโดยเร็วที่สุด โยนำไปหยอดตู้ค่าน้ำค่าไฟของวัด หรือตู้ทำบุญอื่นๆเช่น ชำระหนี้สงฆ์ ถวายภัตตาหาร ฯลฯ เพราะเงินทองเป็นวัตถุอนามาส เก็บสะสมไว้จะต้องอาบัติ